ประวัติ
ซันซัส หัวหน้าของวาเรีย(แก๊งที่รวบรวมนักฆ่าหัวกะทิ
ทำงานกันอย่างอิสระภายใต้สังกัดของวองโกเล่) และ เป็นลูกชายของวองโกเล่รุ่น
9 เป็นคนเย่อหยิ่งถือตัวมักใช้อำนาจและความโกรธในการคุมคน
เป็นคนที่ลูกน้องต่างก็เกรงกลัวและนับถือ แต่จริงๆแล้ว
เขาไม่ได้เป็นคนในตระกูลวองโกเล่
แต่ก็เพราะเขานั้นสามารถใช้เปลวไฟดับเครื่องชนได้ตั้งแต่ยังเด็ก
แม่ของเขาจึงเชื่อว่า เขาสืบสายเลือดมาจากวองโกเล่รุ่นที่ 9
หลังจากที่เขาได้รู้ความจริงจึงได้ทำการก่อกบฏครั้งใหญ่ซึ่งวองโกเล่เรียก
เหตุการณ์ครั้งนั้นว่า "คดีเปลเด็ก"
แต่ทำการไม่สำเร็จจึงถูกวองโกเล่รุ่นที่9จับแช่ไว้ในน้ำแข็งและหลับใหลมา
ตลอดเป็นเวลา 8 ปี
ภายหลังได้ถูกปลดปล่อยและมาเป็นคู่แข่งในการแข่งชิงแหวนแห่งวองโกเล่และ
ตำแหน่งวองโกเล่รุ่นที่ 10 กับ สึนะ
หลังพ่ายแพ้แก่สึนะได้มาเป็นบอสของวาเรียตามเดิม
ซันซัสเป็นคนที่ทะเยอทะยานอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาไว้ในครอบครองไม่ว่าต้อง
แลกด้วยอะไรก็ตามเขาก็ยอมที่จะสละใครที่ใข้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้วก็จะโยน
ทิ้งเหมือนหมากตัวหนึ่งแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นพ่อของตนหรือเพื่อนรักตัวเอง
ถึงแม้ซันซัสจะเป็นคนโลภที่ต้องการตำแหน่งบอสของวองโกเล่จากสึนะมาตลอดแต่ก็
รักวองโกเล่ยิ่งกว่าชีวิต
ถ้ามีภัยคุกคามจากภายนอกเขาก็จะพยายามปกป้องวองโกเล่อย่างสุดความสามารถ
ข้อมูลส่วนตัว
สิ่งที่ชอบพูดเป็นพิเศษ : ไอ้สวะสิ่งที่ไม่ชอบ : ทุกอย่างนอกจากตัวเองเครื่องดื่นที่ชอบ : เทคิวล่า, วิสกี้งานอดิเรก : เช็คสภาพกับทำความสะอาดปืน แกล้งสควอโล (พูดจาถากถางอย่างเจ็บแสบและเดินหนี)อายุ : 24 ปีวันเกิด : 10 ตุลาคมราศี : ตุลกรุ๊ปเลือด : Aส่วนสูง : 193 เซนน้ำหนัก : 90 กิโลประเทศที่เกิด : อิตาลีสัตว์ประจำตัว : ไลเกอร์
เทคนิคและอาวุธที่ใช้
อาวุธปืนแบบเดียวกับวองโกเล่รุ่นที่ 7
ที่สามารถรวบรวมเปลวไฟจำนวนมากเอาไว้ในรังเพลิงและโจมตีออกมารวดเดียว
ซันซัสใช้ปืนนี้ผสานกับเพลิงพิโรธ
ทำให้เป็นได้ทั้งอาวุธพลังโจมตีสูงและไอพ่นในการขับเคลื่อนอาวุธกล่องไลเกอร์นภาวายุ ไลเกอร์ เทมเปสเตอร์ ดิ เซียลโล่
(เบสเตอร์)ซันซัสจะใส่ไฟธาตุนภาและเพลิงพิโรธลงไปในกล่องพร้อมกัน
เมื่อมันคำรามทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นหินด้วยคุณสมบัติผสานของธาตุนภาและ
โดนทำลายด้วยคุณสมบัติไฟธาตุวายุ (เป็นผลกระทบจากเพลิงพิโรธ)ท่าไม้ตายเพลิงพิโรธ เป็นลักษณะของบอลแสงแบบเดียวกับวองโกเล่รุ่นที่ 2 มีพลังทำลายล้างสูงพอทโชโร่ ดี เฟียนมา (เสียงเพลิงคำราม)โคลโป้ ดัททีโอ้ (กระสุนสั่งลา)มัลเทโร ดีเฟียนมา (ลูกตุ้มเพลิง)สคอตปีโอ ดีร่า (ระเบิดเพลิงพิโรธ)
บทบาท
ปฏิบัติการณ์บนเกาะมาเรเดียโวลา(พบเฉพาะในไลท์โนเวลเล่ม 2)เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเกือบหนึ่งเดือนก่อนจะเกิดศึกชิงแหวน
ซึ่งจะอธิบายปัญหาข้อสงสัยอันเป็นปริศนาทั้งหมดเกี่ยวกับตัวซันซัสว่า
ทำไมคนที่ถูกลงโทษในข้อหาก่อการกบฎไปเมื่อ8ปีก่อนอย่างซันซัส
ถึงกลับมายืนหยัดในฐานะหัวหน้าหน่วยวาเรียได้อีก
ทำไมลูกชายคนเดียวของรุ่นที่9 ถึงได้ลงมือก่อการกบฏได้
และระหว่างระยะเวลา8ปีอันยาวนาน เขาใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน และอย่างไร
โดยเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากการบุกจู่โจมและยึดครองเกาะมาเรเดียโวลาของ
เหล่าทหารไม่ทราบสังกัด
ซึ่งพวกเขาได้จับคนบนเกาะมาเป็นตัวประกันโดยภารกิจในการช่วยเหลือตัวประกัน
ครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของออตตาวิโอหัวหน้าระดับสูงของวองโกเล่และเป็น
อดีตรองหัวหน้าของวาเรีย
ซันซัสได้นำลูกน้องกลุ่มวาเรียทั้งหมดมาร่วมในแผนปฏิบัติการณ์นี้โดยเขาสั่ง
ให้ลูกน้องทั้งหมดเริ่มทำตามแผนที่วางไว้ส่วนตนเองก็คอยสั่งการอยู่ที่ฐาน
พร้อมกับออตตาวิโอ
ระหว่างที่พรรคพวกกำลังดำเนินภารกิจซันซัสได้สนทนากับออตตาวิโอถึงเรื่อง
เก่าๆ
จนเขาสามารถจับผิดออตตาวืโอได้ว่าอดีตรองหัวหน้าของวาเรียคนนี้เป็นคนที่ขาย
เขาให้กับรุ่นที่เก้าโดยทำการบอกแผนการก่อกบฏของซันซัสให้กับรุ่นที่เก้ารู้
โดยแลกกับตำแหน่งอันสูงส่งในวองโกเล่
หลังจากที่ลูกน้องได้ทำภารกิจสำเร็จซันซัสก็ได้ฆ่าออตตาวิโอคนทรยศจนไม่
เหลือแม้แต่เถ้าถ่านศึกชิงแหวนธาตุนภารอบสุดท้ายศึกนี้เป็นศึกตัดสินระหว่างสึนะและซันซัส
ที่เป็นตัวกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เหมาะสมกับตำแหน่งบอสของวองโกเล่คนถัดไป
โดยมีกติกาที่แตกต่างจากรอบอื่นๆ คือนอกจากจะต้องชิงแหวนของนภาแล้ว
ทั้งคู่ยังต้องสู้เพื่อชิงแหวนทั้ง 6วง
ของเหล่าผู้พิทักษ์เพื่อนำไปรักษาพิษเดธฮีธเตอร์ที่ฉีดจากริสแบนด์ที่ผู้
พิทักษ์ทั้งสองฝ่ายสวมอยู่ หากปล่อยไว้เกิน 30นาที
คนผู้นั้นก็จะตายโดยสถานที่แข่งขัน คือ โรงเรียนนามิโมริ
โดยในช่วงแรกซันซัสเป็นฝ่ายได้เปรียบเนื่องจากประสบการณ์ต่อสู้และพลังที่
แตกต่างกันเกินไปหน้ำซ้ำเขายังสามารถช่วยเหลือผู้พิทักษ์ของตัวเองได้อีก
ทำให้สึนะแทบไม่มีโอกาสชนะในศึกนี้เลยแต่หลังจากที่สีนะเริ่มใช้
"เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดัดแปลง"
ดูดซึมเปลวไฟของซันซัสก็ทำให้สถานการณ์ความได้เปรียบตกเป็นของฝ่ายสึนะ
จนซันซัสต้องบาดเจ็บสะบักสะบอมในตอนท้ายแต่เมื่อความโกรธทะลุถึงขีดสุดเขา
ได้เปิดเผยแผลเก่าที่รุนที่เก้าฝากไว้และเริ่มจู่โจมสึนะอย่างไม่ยั้งคิด
จนสุดท้ายก็ถูกสึนะใช้ "เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดั้งเดิม"
แช่แข็งหลับใหลไปอีกครั้งแต่พวกมามอนได้ชิงแหวนจากพวกสึนะไปละลายน้ำแข็งที่
ผนึกเขาไว้ ทำให้เขาตื่นขึ้นจากการหลับใหลและพร้อมที่รับพลังจากวองโกเล่ริง
แต่ทว่าแหวนกลับปฏิเสธซันซัสเนื่องจากเขาไม่ได้สืบสายเลือดที่แท้จริงจากวอ
งโกเล่และรู้ว่าเขาไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริงของรุ่นที่เก้าทำให้ศึกนี้จบลง
ด้วยชัยชนะของสึนะศึกยุทธศาสตร์ระหว่างวองโกเล่และมิลฟิลโอเล่ซันซัสมีบทบาทในศีกนี้จากการที่จิลพี่ชายฝาแฝดของเบลเฟกอลซึ่งเป็นหนึ่ง
ในหกบุปผาอาลัยได้นำกองกำลังบุกจู่โจมปราสาทที่เป็นที่ตั้งมั่นของเหล่าวา
เรีย
จิลและออลเกลท์พ่อบ้านได้ทำการบุกทะลวงจู่โมผ่านด่านเบลและฟรานเข้ามาทำลาย
ตัวปราสาทจนได้พบกับซันซัส
จิลและออลเกลท์ได้รวมกำลังกันจู่โจมซันซัสแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรซันซัสได้
สุดท้ายทั้งคู่ก็จบชีวิตด้วยพลังของเบสเตอร์(ไลเกอร์นภาวายุ)ในการทำให้เป็น
หินด้วยคุณสมบัติผสานของธาตุนภาและโดนทำลายด้วยคุณสมบัติไฟธาตุวายุศึกสุดท้ายของภาคอนาคตซันซัสมีบทบาทในศึกนี้จากการที่เขานำกองกำลังเข้าช่วยเหลือพวกโกคุเดระ
ที่ถูกซาคุโร่และบูลเบลจู่โจมรุมกระหนาบจนร่างกายบาดเจ็บสะบักสะบอม
ซันซัสเข้าจู่โจมซาคุโร่แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
ในระหว่างที่ซาคุโร่หันเหความสนใจของซันซัสคิเคียวก็เข้าจู่โจมทำร้ายจนสามา
รถฆ่าซันซัสได้ในที่สุด
แต่ทว่าซันซัสที่ถูกทำร้ายกลับเป็นแค่ภาพลวงตาที่มุคุโร่และฟรานสร้างขึ้น
ซันซัสได้ร่วมมือกับกลุ่มของมุคุโร่และพวกของสึนะเข้าโจมตีหกบุปผาอาลัยที่
เหลือ
ระหว่างนั้นเบียคุรันก็ได้ส่งโกสต์เข้ามาดูดไฟของซันซัสและทุกคนที่ร่วมสู้
ในศึกนั้นจนหมดไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้อีก
สุดท้ายได้แต่ยืนนิ่งมองดูการต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างสึนะกับเบียคุรัน
ซันซัส หัวหน้าของวาเรีย(แก๊งที่รวบรวมนักฆ่าหัวกะทิ
ทำงานกันอย่างอิสระภายใต้สังกัดของวองโกเล่) และ เป็นลูกชายของวองโกเล่รุ่น
9 เป็นคนเย่อหยิ่งถือตัวมักใช้อำนาจและความโกรธในการคุมคน
เป็นคนที่ลูกน้องต่างก็เกรงกลัวและนับถือ แต่จริงๆแล้ว
เขาไม่ได้เป็นคนในตระกูลวองโกเล่
แต่ก็เพราะเขานั้นสามารถใช้เปลวไฟดับเครื่องชนได้ตั้งแต่ยังเด็ก
แม่ของเขาจึงเชื่อว่า เขาสืบสายเลือดมาจากวองโกเล่รุ่นที่ 9
หลังจากที่เขาได้รู้ความจริงจึงได้ทำการก่อกบฏครั้งใหญ่ซึ่งวองโกเล่เรียก
เหตุการณ์ครั้งนั้นว่า "คดีเปลเด็ก"
แต่ทำการไม่สำเร็จจึงถูกวองโกเล่รุ่นที่9จับแช่ไว้ในน้ำแข็งและหลับใหลมา
ตลอดเป็นเวลา 8 ปี
ภายหลังได้ถูกปลดปล่อยและมาเป็นคู่แข่งในการแข่งชิงแหวนแห่งวองโกเล่และ
ตำแหน่งวองโกเล่รุ่นที่ 10 กับ สึนะ
หลังพ่ายแพ้แก่สึนะได้มาเป็นบอสของวาเรียตามเดิม
ซันซัสเป็นคนที่ทะเยอทะยานอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาไว้ในครอบครองไม่ว่าต้อง
แลกด้วยอะไรก็ตามเขาก็ยอมที่จะสละใครที่ใข้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้วก็จะโยน
ทิ้งเหมือนหมากตัวหนึ่งแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นพ่อของตนหรือเพื่อนรักตัวเอง
ถึงแม้ซันซัสจะเป็นคนโลภที่ต้องการตำแหน่งบอสของวองโกเล่จากสึนะมาตลอดแต่ก็
รักวองโกเล่ยิ่งกว่าชีวิต
ถ้ามีภัยคุกคามจากภายนอกเขาก็จะพยายามปกป้องวองโกเล่อย่างสุดความสามารถ
ข้อมูลส่วนตัว
สิ่งที่ชอบพูดเป็นพิเศษ : ไอ้สวะสิ่งที่ไม่ชอบ : ทุกอย่างนอกจากตัวเองเครื่องดื่นที่ชอบ : เทคิวล่า, วิสกี้งานอดิเรก : เช็คสภาพกับทำความสะอาดปืน แกล้งสควอโล (พูดจาถากถางอย่างเจ็บแสบและเดินหนี)อายุ : 24 ปีวันเกิด : 10 ตุลาคมราศี : ตุลกรุ๊ปเลือด : Aส่วนสูง : 193 เซนน้ำหนัก : 90 กิโลประเทศที่เกิด : อิตาลีสัตว์ประจำตัว : ไลเกอร์
เทคนิคและอาวุธที่ใช้
อาวุธปืนแบบเดียวกับวองโกเล่รุ่นที่ 7
ที่สามารถรวบรวมเปลวไฟจำนวนมากเอาไว้ในรังเพลิงและโจมตีออกมารวดเดียว
ซันซัสใช้ปืนนี้ผสานกับเพลิงพิโรธ
ทำให้เป็นได้ทั้งอาวุธพลังโจมตีสูงและไอพ่นในการขับเคลื่อนอาวุธกล่องไลเกอร์นภาวายุ ไลเกอร์ เทมเปสเตอร์ ดิ เซียลโล่
(เบสเตอร์)ซันซัสจะใส่ไฟธาตุนภาและเพลิงพิโรธลงไปในกล่องพร้อมกัน
เมื่อมันคำรามทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นหินด้วยคุณสมบัติผสานของธาตุนภาและ
โดนทำลายด้วยคุณสมบัติไฟธาตุวายุ (เป็นผลกระทบจากเพลิงพิโรธ)ท่าไม้ตายเพลิงพิโรธ เป็นลักษณะของบอลแสงแบบเดียวกับวองโกเล่รุ่นที่ 2 มีพลังทำลายล้างสูงพอทโชโร่ ดี เฟียนมา (เสียงเพลิงคำราม)โคลโป้ ดัททีโอ้ (กระสุนสั่งลา)มัลเทโร ดีเฟียนมา (ลูกตุ้มเพลิง)สคอตปีโอ ดีร่า (ระเบิดเพลิงพิโรธ)
บทบาท
ปฏิบัติการณ์บนเกาะมาเรเดียโวลา(พบเฉพาะในไลท์โนเวลเล่ม 2)เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเกือบหนึ่งเดือนก่อนจะเกิดศึกชิงแหวน
ซึ่งจะอธิบายปัญหาข้อสงสัยอันเป็นปริศนาทั้งหมดเกี่ยวกับตัวซันซัสว่า
ทำไมคนที่ถูกลงโทษในข้อหาก่อการกบฎไปเมื่อ8ปีก่อนอย่างซันซัส
ถึงกลับมายืนหยัดในฐานะหัวหน้าหน่วยวาเรียได้อีก
ทำไมลูกชายคนเดียวของรุ่นที่9 ถึงได้ลงมือก่อการกบฏได้
และระหว่างระยะเวลา8ปีอันยาวนาน เขาใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน และอย่างไร
โดยเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากการบุกจู่โจมและยึดครองเกาะมาเรเดียโวลาของ
เหล่าทหารไม่ทราบสังกัด
ซึ่งพวกเขาได้จับคนบนเกาะมาเป็นตัวประกันโดยภารกิจในการช่วยเหลือตัวประกัน
ครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของออตตาวิโอหัวหน้าระดับสูงของวองโกเล่และเป็น
อดีตรองหัวหน้าของวาเรีย
ซันซัสได้นำลูกน้องกลุ่มวาเรียทั้งหมดมาร่วมในแผนปฏิบัติการณ์นี้โดยเขาสั่ง
ให้ลูกน้องทั้งหมดเริ่มทำตามแผนที่วางไว้ส่วนตนเองก็คอยสั่งการอยู่ที่ฐาน
พร้อมกับออตตาวิโอ
ระหว่างที่พรรคพวกกำลังดำเนินภารกิจซันซัสได้สนทนากับออตตาวิโอถึงเรื่อง
เก่าๆ
จนเขาสามารถจับผิดออตตาวืโอได้ว่าอดีตรองหัวหน้าของวาเรียคนนี้เป็นคนที่ขาย
เขาให้กับรุ่นที่เก้าโดยทำการบอกแผนการก่อกบฏของซันซัสให้กับรุ่นที่เก้ารู้
โดยแลกกับตำแหน่งอันสูงส่งในวองโกเล่
หลังจากที่ลูกน้องได้ทำภารกิจสำเร็จซันซัสก็ได้ฆ่าออตตาวิโอคนทรยศจนไม่
เหลือแม้แต่เถ้าถ่านศึกชิงแหวนธาตุนภารอบสุดท้ายศึกนี้เป็นศึกตัดสินระหว่างสึนะและซันซัส
ที่เป็นตัวกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เหมาะสมกับตำแหน่งบอสของวองโกเล่คนถัดไป
โดยมีกติกาที่แตกต่างจากรอบอื่นๆ คือนอกจากจะต้องชิงแหวนของนภาแล้ว
ทั้งคู่ยังต้องสู้เพื่อชิงแหวนทั้ง 6วง
ของเหล่าผู้พิทักษ์เพื่อนำไปรักษาพิษเดธฮีธเตอร์ที่ฉีดจากริสแบนด์ที่ผู้
พิทักษ์ทั้งสองฝ่ายสวมอยู่ หากปล่อยไว้เกิน 30นาที
คนผู้นั้นก็จะตายโดยสถานที่แข่งขัน คือ โรงเรียนนามิโมริ
โดยในช่วงแรกซันซัสเป็นฝ่ายได้เปรียบเนื่องจากประสบการณ์ต่อสู้และพลังที่
แตกต่างกันเกินไปหน้ำซ้ำเขายังสามารถช่วยเหลือผู้พิทักษ์ของตัวเองได้อีก
ทำให้สึนะแทบไม่มีโอกาสชนะในศึกนี้เลยแต่หลังจากที่สีนะเริ่มใช้
"เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดัดแปลง"
ดูดซึมเปลวไฟของซันซัสก็ทำให้สถานการณ์ความได้เปรียบตกเป็นของฝ่ายสึนะ
จนซันซัสต้องบาดเจ็บสะบักสะบอมในตอนท้ายแต่เมื่อความโกรธทะลุถึงขีดสุดเขา
ได้เปิดเผยแผลเก่าที่รุนที่เก้าฝากไว้และเริ่มจู่โจมสึนะอย่างไม่ยั้งคิด
จนสุดท้ายก็ถูกสึนะใช้ "เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดั้งเดิม"
แช่แข็งหลับใหลไปอีกครั้งแต่พวกมามอนได้ชิงแหวนจากพวกสึนะไปละลายน้ำแข็งที่
ผนึกเขาไว้ ทำให้เขาตื่นขึ้นจากการหลับใหลและพร้อมที่รับพลังจากวองโกเล่ริง
แต่ทว่าแหวนกลับปฏิเสธซันซัสเนื่องจากเขาไม่ได้สืบสายเลือดที่แท้จริงจากวอ
งโกเล่และรู้ว่าเขาไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริงของรุ่นที่เก้าทำให้ศึกนี้จบลง
ด้วยชัยชนะของสึนะศึกยุทธศาสตร์ระหว่างวองโกเล่และมิลฟิลโอเล่ซันซัสมีบทบาทในศีกนี้จากการที่จิลพี่ชายฝาแฝดของเบลเฟกอลซึ่งเป็นหนึ่ง
ในหกบุปผาอาลัยได้นำกองกำลังบุกจู่โจมปราสาทที่เป็นที่ตั้งมั่นของเหล่าวา
เรีย
จิลและออลเกลท์พ่อบ้านได้ทำการบุกทะลวงจู่โมผ่านด่านเบลและฟรานเข้ามาทำลาย
ตัวปราสาทจนได้พบกับซันซัส
จิลและออลเกลท์ได้รวมกำลังกันจู่โจมซันซัสแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรซันซัสได้
สุดท้ายทั้งคู่ก็จบชีวิตด้วยพลังของเบสเตอร์(ไลเกอร์นภาวายุ)ในการทำให้เป็น
หินด้วยคุณสมบัติผสานของธาตุนภาและโดนทำลายด้วยคุณสมบัติไฟธาตุวายุศึกสุดท้ายของภาคอนาคตซันซัสมีบทบาทในศึกนี้จากการที่เขานำกองกำลังเข้าช่วยเหลือพวกโกคุเดระ
ที่ถูกซาคุโร่และบูลเบลจู่โจมรุมกระหนาบจนร่างกายบาดเจ็บสะบักสะบอม
ซันซัสเข้าจู่โจมซาคุโร่แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
ในระหว่างที่ซาคุโร่หันเหความสนใจของซันซัสคิเคียวก็เข้าจู่โจมทำร้ายจนสามา
รถฆ่าซันซัสได้ในที่สุด
แต่ทว่าซันซัสที่ถูกทำร้ายกลับเป็นแค่ภาพลวงตาที่มุคุโร่และฟรานสร้างขึ้น
ซันซัสได้ร่วมมือกับกลุ่มของมุคุโร่และพวกของสึนะเข้าโจมตีหกบุปผาอาลัยที่
เหลือ
ระหว่างนั้นเบียคุรันก็ได้ส่งโกสต์เข้ามาดูดไฟของซันซัสและทุกคนที่ร่วมสู้
ในศึกนั้นจนหมดไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้อีก
สุดท้ายได้แต่ยืนนิ่งมองดูการต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างสึนะกับเบียคุรัน